ในภาวะรูปที่อยู่กับตัวหรือร่างกายของเราเนี่ย เอาในภาวะรูปที่เป็นตัวตนที่เรารู้สึกสัมผัสได้ แตะต้องได้ ก็คือกองรูปที่เกิดขึ้นจากตัวเราเอง ในภาวะรูปที่เรียกว่าขันธ์ มาโดยไม่ปรากฏ ดับแล้วก็ไปสู่ที่ไม่ปรากฏ ในภาวะที่ไม่ปรากฏนั้น มันมีตัวมีตนไหม ไม่มี จริงๆแล้วมีไหม มี มันมีทั้งมีและไม่มี อาการปวดที่เกิดขึ้นกับเรามีไหม มี มันเป็นรูปไหม จับมัน แตะต้องได้ไหม แตะต้องได้ แต่มันเป็นรูปที่คงอยู่ไหม ไม่ มันก็คือไม่มี อะไรล่ะทำให้ปวด อะไรที่เป็นตัวทำให้ปวด ตรงนี้แหละโยคีต้องมีสติ ทำความรู้จัก ทำความเข้าใจ แต่ไม่ให้มานั่งคิดนะ ว่ามันเป็นอันนี้ เป็นอันนี้ ไม่ใช่ นั้นคือการคิดปรุงแต่งไปเอง... วิธีการในหลักของการปฏิบัติที่จะเข้าถึงขันธ์ ๔ รู้การเกิดดับของขันธ์ ๕ โดยการอาศัยสติที่รู้ลมหายใจเข้าและออกอย่างต่อเนื่อง ท่านว่าอานาปานสติ มีสติรู้ลมหายใจเข้าและออกอย่างต่อเนื่อง ท่านเรียกว่า เห็นภาวะรูป ลมหายใจเป็นรูป จิตที่มันรู้ว่ามันเข้าไปถึงไหน ออกมาถึงไหนนั้นเป็นนาม เห็นกองรูปและเห็นกองนามอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นแล้วจิตนั้นย่อมเจริญขึ้น เพราะแต่ก่อนมันรู้ มันเห็น รู้สึกว่าลมเข้าออกอย่างเดียว แต่ไม่รู้ว่าเป็นรูป ว่าเป็นนาม ลมหายใจที่เข้าหรือลมหายใจออกนั้นเป็นรูป ใจที่รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกนั้นเป็นนาม คือการรู้สึกว่ามันเข้าและมันออก แต่ใจที่เห็นลมเข้าลมออกนั้นเป็นรูป จำฟังให้ดีๆนะ(มีต่อพรุ่งนี้) โอวาทธรรม พระครูปทุมภาวนาจารย์ วิ. (หลวงพ่อวีระนนท์ วีรนนฺโท) จากธรรมบรรยายในโครงการพัฒนาจิตเพื่อพ่อ ครั้งที่ ๙๔ วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ สนใจดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.watpacharoenrat.org/youtube.php